วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

แหล่งการเรียนรู้ "สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย"


ประวัติความเป็นมา

สวนงูจัดตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2466 โดยผู้อำนวยการคนแรกของสถานเสาวภา ซึ่งเป็นนายแพทย์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ ดร.เลโอโปลด์ โรแบรต์ ได้ตระหนักถึงปัญหาการถูกงูพิษกัดคนและสัตว์เลี้ยง แล้วไม่มีเซรุ่มแก้พิษงูมารักษา เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข จึงได้ทำการจัดตั้งสวนงูแห่งนี้ขึ้นและสวนงูแห่งนี้ยังเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสวนงูที่ประเทศบราซิล

ในปี 2472 พระบรมวงศานุวงศ์ 4 พระองค์ ประกอบด้วย พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพจอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสัตย์ และ พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ร่วมด้วยพระประยูรญาติและมิตรได้ประทานเงินให้แก่สภากาชาดไทย ตั้งเป็นทุนชื่อว่า “ทุน ๔ มะเสง” ทรงอนุญาตให้สภากาชาดไทยแบ่งเงินจากทุนนี้ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างตึกสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์พิษชนิดต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในน้ำ มีงูทะเล เป็นต้น รวมทั้งยังให้สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บสัตว์ทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษเพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ศึกษาอีกด้วย สภากาชาดไทยได้อำนวยการสร้างตึกหลังนี้ขึ้นและขนานนามว่า “ตึก ๔ มะเสง

ต่อมาตึก ๔ มะเสงนั้นมีขนาดเล็กและทรุดโทรมจึงได้รื้อถอนและสร้างเป็นตึก 5 ชั้น โดยงบประมาณจากรัฐบาลและสภากาชาดไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จฯเปิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2551 ตึก ๔ มะเสง นี้ใช้เป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการสำหรับงูพิษชนิดสำคัญ ๆ รวมทั้งงูไม่มีพิษที่มีประโยชน์และน่าสนใจ และงูที่สวยงามทั้งงูบกและงูน้ำจืด การจัดแสดงเป็นการเลี้ยงงูที่จำลองจากธรรมชาติจริง ๆ ของงูแต่ละชนิด


 พิพิธภัณฑ์งู(สวนงู สถานเสาวภา)


วัตถุประสงค์

เพื่อใช้เลี้ยงงูพิษไว้รีดพิษ สำหรับผลิตเป็นเซรุ่มแก้พิษงู สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ได้จัดงานบริการสำหรับประชาชน นักท่องเที่ยว หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยมุ่งเน้นการบริการทางด้านวิชาการเกี่ยวกับงู เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้


รายละเอียดการเดินทาง
ที่อยู่ : 1871 ถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทร.02-252-0161-4,
เว็บไซต์ : www.redcross.or.th
เวลาเปิด-ปิด : จันทร์-ศุกร์ 8.30 น.-16.30 น., เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.30 น. - 12.00 น.
การเดินทาง : รถประจำทาง: สาย 4, 16, 21, 45, 46, 47, 50, 67, 74, 76, 109, 115, 141 ปอ.4, 507
รถไฟฟ้าใต้ดิน : สถานีสามย่าน ออกทางประตู 2 แล้วเดินต่อไปอีกนิด ทางที่จะไปสวนลุมพินี
รถส่วนตัว : จอดภายในสถานเสาวภา



ลักษณะการนำเสนอเนื้อหาในแหล่งการเรียนรู้

ภายนอก        

                วิทยากรจะออกมาอธิบายเกี่ยวกับงูเป็นภาษอังกฤษและภาษาไทยหลังจากนั้นจะมีการโชว์งูแต่ละชนิดมีทั้งงูมีพิษ ไม่มีพิษ ส่วนงูที่สามารถพ่นพิษได้จะไม่นำมาเสนอเนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ละนอกจากนั้นยังสาธิตวิธีการจับงูที่ถูกต้อง

 

         




















 ภายในตึก ๔ มะเสง
      มีการจัดนิทรรศการสำหรับงูพิษชนิดสำคัญ ๆ ที่พบได้บ่อยและมีความสำคัญทางสาธารณสุขในประเทศไทย รวมทั้งงูไม่มีพิษที่มีประโยชน์และน่าสนใจ และงูที่สวยงามทั้งงูบกและงูน้ำจืด การจัดแสดงเป็นการเลี้ยงงูที่จำลองจากธรรมชาติจริง ๆ ของงูแต่ละชนิด มีการนำเสนอที่เป็นรายละเอียดทางวิชาการของงูแต่ละชนิดในด้านถิ่นที่อยู่ อาหาร และอันตรายจากพิษ


     งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง

            งูเห่าหรืองูเห่าหม้อ


                  งูจงอาง


              งูหลามปากเป็ด

                   งูเห่าเผือก
             
             การนำเสนอด้านสื่อความรู้เรื่องวิวัฒนาการของงู จากสัตว์ ดึกดำบรรพ์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับงู การแสดงองค์ประกอบต่าง ๆ ของงู (แสดงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในของงู) หนังงู โครงกระดูกงู ภายในส่วนนิทรรศการนี้ยังมีภาพยนตร์แสดงการออกฤทธิ์ของพิษงูต่อมนุษย์หรือสัตว์ การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องเมื่อถูกงูพิษกัด และยังมีห้องที่ใช้สาธิตการปฐมพยาบาลให้ผู้เข้าชมได้ฝึกการทำปฐมพยาบาลกับหุ่นขนาดเท่าตัวมนุษย์จริง

ลักษณะแผลจากการถูกงูกัด

คำถาม-คำตอบเกี่ยวกับงู

การดองงู

กระดูกงู






                  
              

การนำแหล่งการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนวิชาชีววิทยา

            จากการเข้าชมแหล่งการเรียนรู้ที่สวนงู สามารถนำสื่อต่างๆที่จัดแสดงในสวนงูนี้ไปประยุกต์ใช้ในการสอนชีววิทยาในเรื่อง สัตว์มีกระดูกสันหลังโดยสามารถชี้เฉพาะในส่วนของสัตว์เลื้อยคลาน ให้เห็นถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ของงู อวัยวะส่วนต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในของงู เช่น กะโหลก ฟัน เกล็ดงู ระบบย่อยอาหารของงู นอกจากนั้นยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ว่ามีการดำรงชิวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใด และมีวงจรชีวิตอย่างไร ซึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดต่างก็มีการดำรงอยู่ที่เหมือนและแตกต่างขึ้นอยู่กับธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ


ข้อเสนอแนะ
1.ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการควรที่จะมีวิทยากรเข้ามาดูแลภายใน เนื่องจากบางครั้งผู้เข้าชมอาจมีข้อสงสัยจะได้ซักถามได้
2.ในการสาธิตการรีดพิษงูควรจะมีรอบการแสดงทั้งเช้าและบ่ายเนื่องจากบางครั้งผู้เข้าชมอาจมาไม่ทันได้ชมการสาธิตการรีดพิษงูจึงทำให้ได้ความรู้ไม่ครบถ้วน
3.ควรมีผู้ดูแลสื่อภายในอาคารที่จัดแสดงเนื่องจากมีสื่อบางชนิดที่ชำรุดไม่สามารถเรียนรู้ได้

รูปถ่ายกับแหล่งการเรียนรู้ที่ได้ไปสำรวจ





แหล่งข้อมูล:http://www.saovabha.com/th/snakefarm_service.asp


17 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ เหมือนได้ไปดูด้วยตัวเอง ^ ^

    ตอบลบ
  2. เป็นแหล่งการเรียนรู้ ที่น่าสนใจมาก เหมาะสำหรับพาเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษา

    ตอบลบ
  3. น่าสนใจมากค่ะ ต้องหาเวลาไปชมแหล่งการเรียนรู้นี้บ้างแล้ว

    ตอบลบ
  4. เป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ อยากเห็นตอนรีดพิษงูจัง^^

    ตอบลบ
  5. นอกจากมีงูให้ดูแล้ว ยังได้ความรู้เกี่ยวกับพิษของมันด้วย *0*

    ตอบลบ
  6. สอนเด็กเรื่องการพิษเซรุ่ม การรีดพิษงูอะไรได้หลายอย่างเลยนะเนี่ย

    ตอบลบ
  7. น่าไปค่ะ แถวบ้านงูเยอะจะได้รู้ถึงการป้องกันและรักษา

    ตอบลบ
  8. เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีมาก ได้รู้เกี่ยวกับพิษของงูแต่ละชนิด และยังได้รู้จักสายพันธุ์ของงูชนิดต่างๆ ที่เราไม่เคยเห็นอีกด้วย

    ตอบลบ
  9. เป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจมาก เป็นความรู้ที่ควรมีติดตัวไว้

    ตอบลบ
  10. ถ้าไปแล้วคงได้รู้จักงูเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิดที่ไม่เคยเห็น

    ตอบลบ
  11. เพิ่งรู้ว่ามีสวนงูด้วย...ปกติต้องไปสวนสัตว์ถึงจะได้เห็น

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณมากนะค๊ะสำหรับคอมเม้นเพื่อนๆ^^

    ตอบลบ
  13. พึ่งรู้ว่ามีสวนงูด้วยนะเนี่ย น่าไปมากๆเลย

    ตอบลบ
  14. น่าสนใจทีเดียว แต่สำหรับคนที่กลัวงู คงต้องคิดหนัก ว่าจะไปดีหรือปล่าว แหะๆ^^

    ตอบลบ
  15. ชอบที่มีงูให้ดูหลายสายพันนี่เหละ ไปแล้วได้อะไรมากกว่าแค่ชื่อแหะ เจ๋งวะ

    ตอบลบ